วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อ้างอิง






นางสาวปิยะพรรณ ขำเกิด ปวส.1 ภาษาต่างประเทศ เลขที่ 10

รูปภาพการควบคุมงบประมาณ



รูปภาพการควบคุมงบประมาณ



รูปภาพการควบคุมงบประมาณ




ประโยชน์ของการควบคุมงบประมาณ

ประโยชน์ของการควบคุมงบประมาณ
1. การควบคุมช่วยให้ผลงานมีมาตรฐาน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
2. การควบคุมช่วยในการป้องกันมิให้ทรัพยากรขององค์การต้องสูญเสียอันเนื่องจากการถูกขโมย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
3. การควบคุมช่วยให้ผู้บริหารสามารถใช้วิธีมอบหมายงานได้มากขึ้น
4. รักษาคุณภาพงานให้ตรงตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการผลิต และช่วยให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณสมบัติและคุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้า
5. การควบคุมช่วยให้องค์การสามารถวัดประสิทธิภาพและผลการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานฝ่ายต่าง ๆ ได้
6. การควบคุมจะช่วยเป็นเครื่องมือให้ผู้บริหารระดับสูงสามารถนำเอาแผนงานระดับบริหารเข้ามาเชื่อมโยงกับการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบงานในองค์การได้

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

หลักการควบคุมงบประมาณ

หลักการควบคุมงบประมาณ

1ประหยัด ต้องจ่ายเงินตามโครงการอย่างคุ้มค่าไม่เกินจริงไม่รั่วไหล

2มีประสิทธิภาพ

3เสมอภาค มีความชอบธรรมทั้งด้านรายได้-รายจ่าย เช่น การเก็บภาษีต้องเสมอภาค

4หลักดุลยภาพ ไม่จำเป็นต้องสมดุลกันทุกปีต้องดูความเหมาะ

5 คาดการณ์ไกล ต้องคาดคะเนไว้ล่วงหน้า

6หลักประชาธิปไตย ประชาชนต้องรู้เพราะเป็นเงินของประชาชน โดยผลประโยชน์ต้องตกกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ











แนวคิดของการควบคุมงบประมาณ




แนวคิดของการควบคุมงบประมาณ



1। มุ่งเน้นแผนยุทธศาสตร์ (strategic – based budget)เพราะงบ เป็นเครื่องมือทำให้ยุทธศาสตร์สัมฤทธิ์ผล รัฐกำหนดจะพัฒนาไปในทิศทางใด เงินจะตามไปในทิศทางนั้น(จากเดิม รัฐกำหนดวงเงินให้หน่วยงานคิดแผนเอง มาเป็น นำยุทธศาสตร์มาแปลงเป็นแผน เพื่อจัดสรรงบให้สอดคล้อง)
2. มุ่งเน้นการคาดการณ์ล่วงหน้า (medium – term budget)ใน 3-5 ปีข้างหน้า งบจะเป็นเท่าใด โดยประมาณการให้ครอบคลุมถึง เงินนอกงบ และแผนเงินกู้ด้วย (ทั้งรายได้-รายจ่าย)
3. มุ่งเน้นผลงาน (performance – based budget)- คำนึงถึงสัมฤทธิ์ผลของงาน (ผลผลิต และผลลัพธ์) เป็นหลัก จากแต่เดิมที่เน้น input หรือทรัพยากรที่ใช้ดำเนินงาน- ไม่เน้นว่า เงิน 10 บาท ใช้จ่ายอะไร (หมดไม่หมด โยกข้ามหมวด ?) แต่จะบอกว่า เงิน 10 บาท ได้อะไรขึ้นมาบ้าง- หัวหน้าส่วนราชการต้องทำข้อตกลงกับรัฐมนตรี (public service agreement , PSA) รับประกันผลงานแก่ประชาชน

กระบวนการควบคุมงบประมาณ

กระบวนการควบคุม
โดยทั่วไปการควบคุมจะประกอบด้วยกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้
1.การกำหนดมาตรฐาน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์หรือมาตรวัดสำหรับเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแสดงในรูปต่าง ๆ เช่น เป้าหมาย แผนงาน บรรทัดฐาน
2.การติดตามวัดผล ขั้นตอนนี้จะประกอบด้วย การกำหนดวิธีการจัดเก็บข้อมูล การตรวจสอบ และการจัดทำรายงาน ซึ่งการติดตามวัดผลจะดำเนินการในทุกระดับขององค์กร โดยทั่วไปผลลัพธ์หรือข้อมูลที่จัดเก็บได้จะถูกนำมาวิเคราะห์และจัดทำรายงานสรุปผลตามรอบเวลาของการดำเนินงาน
3।การเปรียบเทียบผลลัพธ์กิจกรรม โดยนำข้อมูลที่ได้รับจากการติดตามเทียบกับมาตรฐานที่ระบุในขั้นตอนแรก เพื่อระบุความเบี่ยงเบน (Deviation) นั่นคือ หากเกิดความเบี่ยงเบนทางลบ (Negative Deviation) ก็หมายถึง เกิดความสูญเสียขึ้นและต้องดำเนินการแก้ไขด้วยกิจกรรมปรับปรุงตามวงจรคุณภาพ (PDCA) แต่หากเกิดความเบี่ยงเบนทางบวก (Positive Deviation) ก็แสดงถึงผลกำไรหรือผลิตภาพที่เกิดขึ้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกป้อนกลับ (Feedback) เพื่อใช้สำหรับการวางแผนต่อไป


4.ดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขปัญหา จัดว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการควบคุม โดยมีการทบทวนผลลัพธ์หรือความเบี่ยงเบนที่เกิดขึ้น เพื่อระบุแนวทางแก้ไขและปรับปรุงไม่ให้ปัญหาเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก
.
องค์ประกอบของระบบควบคุมที่มีประสิทธิผล
โดยทั่วไปการออกแบบระบบควบคุมขององค์กรมักจะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังเช่น
.
1.วัตถุประสงค์ ควรมีการระบุวัตถุประสงค์และเกณฑ์สำหรับการวัดผลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะมาตรฐานการควบคุมควรสามารถวัดผลได้ในเชิงปริมาณ (Quantitative)
2.ความเหมาะสม ระบบการควบคุมควรมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้มีการระบุไว้
3.ความรับผิดชอบสำหรับการควบคุม โดยมีการระบุและจัดสรรงานให้กับบุคคลเพื่อรับผิดชอบต่อการดำเนินแผนงาน
4.ความยืดหยุ่นต่อการตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของแผนหรือสภาพเงื่อนไข
5.การรายงานผลอย่างทันการ ระบบควบคุมที่มีประสิทธิผลควรมีการรายงานผลอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดปัญหาความเบี่ยงเบนจากแผนหรือเป้าหมาย
6.สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย โดยมีการระบุรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างครอบคลุมและชัดเจน
..
ขอบเขตและประเด็นของการควบคุมต้นทุน
ในสถานประกอบการทั่วไปมักมีการดำเนินกิจกรรมควบคุมต้นทุน โดยมีขอบเขตที่ครอบคลุมถึง

ขั้นตอนการควบคุมงบประมาณ

การควบคุมงบประมาณส่วนจังหวัด
ขั้นตอนการควบคุมเงินงบประมาณ
ขั้นที่ 1: กำหนดเป้าหมายของคุณ
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน คุณอาจต้องการบ้านหลังใหม่ ต้องการเกษียณอายุการทำงานเร็วขึ้น หรือแม้แต่ต้องการศึกษาต่อ เป้าหมายของคุณอาจแบ่งได้เป็นสามประเภทคือ เป้าหมายทางการเงินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้ถามตัวเองดังนี้ อะไรสำคัญสำหรับฉัน ฉันจำเป็นต้องมีอะไร ฉันต้องการอะไร คำตอบที่ได้จะบอกถึงเป้าหมายของคุณ หากคุณสมรสแล้ว คุณอาจพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องนี้กับคู่สมรส และตัดสินใจว่าเป้าหมายร่วมกันของคุณทั้งสองคืออะไร จากนั้นเขียนเป้าหมายเหล่านี้ลงในกระดาษ เมื่อคุณรู้แน่ชัดว่าตัวเองต้องการอะไร คุณก็สามารถเริ่มวางแผนงบประมาณได้ตามนั้น
เป้าหมายระยะสั้น : คือเป้าหมายซึ่งคุณสามารถบรรลุได้ภายในปีหน้าหรือ ระยะเวลาราวๆ นั้น เป้าหมายดังกล่าวนี้ก็เช่น ชำระหนี้บัตรเครดิตจำนวน 40,000 บาท ซื้อโทรทัศน์หรือตู้เย็นใหม่ หรือค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวพักผ่อน
เป้าหมายระยะกลาง : คือเป้าหมายซึ่งคุณต้องการจะบรรลุภายในสองถึงห้าปี ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการออมเงินไว้เป็นเงินดาวน์ค่าบ้าน หรือค่าเครื่องเรือนชุดใหม่ภายในบ้าน
เป้าหมายระยะยาว : คือเป้าหมายที่ต้องใช้เวลามากกว่าห้าปีจึงจะบรรลุผล ได้แก่ การออมเงินสำหรับวัยเกษียณ หรือค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย




ขั้นที่ 2: รวบรวมข้อมูล
รวบรวมบันทึกหลักฐานรายรับรายจ่ายทั้งหมดของครัวเรือน ในการประเมินค่าใช้จ่าย คุณต้องละเอียดลออและซื่อสัตย์ต่อตนเอง อย่าลืมว่างบประมาณควรเป็นภาพที่ถูกต้องแม่นยำ มิใช่ “กรณีตัวอย่างที่ดีที่สุด” ขอแนะนำให้คุณรวบรวมข้อมูลดังต่อไปนี้ :
ต้นขั้วสมุดเช็ค
สำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีที่แล้ว
ทะเบียนสมุดเช็ค
ใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต (โดยเฉพาะยอดสรุป ณ สิ้นปี)
ข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายยอดใหญ่ๆ เช่น เงินกู้ซื้อรถยนต์ และวงเงินสินเชื่อ
รายการฝาก-ถอนเงินจากธนาคารและสถาบันทางการเงินอื่นๆ


ขั้นที่ 3: ค้นหาว่าขณะนี้คุณอยู่ตรงไหน
หลังจากรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาได้แล้ว ก็ให้ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อพิจารณาว่า คุณมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นอย่างไรในปัจจุบัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างรายได้และค่าใช้จ่าย อย่ากังวลหากคุณต้องประมาณตัวเลขขึ้นมาในการจัดทำงบประมาณครั้งแรก คุณอาจต้องใช้เวลาสองสามเดือนกว่าจะรู้แน่ชัดว่าขณะนี้คุณอยู่ตรงจุดไหน แต่งบประมาณครั้งแรกจะช่วยให้คุณเห็นภาพคร่าวๆ ว่าคุณใช้จ่ายไปกับเรื่องใดบ้าง และเงินของคุณหายไปไหน
คุณควรจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นสามส่วนดังข้างล่างนี้ เพื่อจะนำไปจัดทำงบประมาณต่อไป
เงินที่คุณหามาได้ : รวมยอดรายได้จากแหล่งต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งได้แก่ “เงินได้สุทธิ” หลังจากหักภาษี ค่าคอมมิชชั่นหรือโบนัส ค่าอุปการะบุตร เงินจากกองทุนประกันสังคมหรือสวัสดิการหลังเกษียณ เงินสงเคราะห์กรณีทุพพลภาพ ดอกเบี้ย เงินปันผล ฯลฯ
เงินที่คุณใช้ไป : รวมยอดค่าใช้จ่ายแบบคงที่และแบบแปรผัน ค่าใช้จ่ายคงที่หมายถึงค่าใช้จ่ายที่มียอดคงที่เท่ากันทุกเดือน (เช่น ค่าเช่า ค่าผ่อนชำระเงินกู้ระยะยาว ค่าเบี้ยประกัน ชำระคืนเงินกู้ เงินออมหลังเกษียณ ฯลฯ) และมักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถตัดออกได้ ส่วนค่าใช้จ่ายแปรผันเป็นค่าใช้จ่ายที่มียอดเปลี่ยนแปลงได้ (เช่น ค่าบริการเคเบิลทีวี ค่าเครื่องอุปโภคบริโภค ค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ) และสามารถลดหรือตัดออกไปได้
ผลลัพธ์สุดท้าย : นำยอดค่าใช้จ่ายไปลบออกจากรายได้ จำนวนเงินที่เหลือเรียกว่า “รายได้ส่วนเกินจากรายได้ประจำ” ซึ่งสามารถนำไปใช้ในกรณีฉุกเฉินและใช้สำหรับงบประมาณที่กำหนดไว้


ขั้นที่ 4: ตรวจสอบผลลัพธ์สุดท้ายของคุณ
ผลลัพธ์สุดท้ายคือผลต่างระหว่างจำนวนเงินที่คุณหามาได้กับจำนวนเงินที่คุณใช้ไป ซึ่งทำให้คุณทราบแน่ชัดว่าคุณกำลังใช้จ่ายเกินตัวหรือไม่ ถ้าตัวเลขสุดท้ายออกมาเป็นบวก ลองทบทวนดูว่าจะเพิ่มยอดชำระคืนหนี้สินหรือเก็บออมเงินให้มากขึ้นดีหรือไม่ ถ้าตัวเลขออกมาเป็นลบ คุณกำลังใช้จ่ายเงินมากกว่าที่หามาได้ และอาจกำลังถมช่องว่างที่ขาดไปด้วยสินเชื่อ หากคุณมียอดชำระคืนหนี้สินและบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากกว่า 15- 20% ของเงินได้สุทธิ คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าผลลัพธ์สุดท้ายออกมาเป็นลบ คุณจำเป็นต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายแปรผันและพิจารณาว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างไร
ขั้นที่ 5: ติดตามยอดค่าใช้จ่าย
หลังจากคำนวณงบประมาณครั้งแรกขึ้นมาแล้ว ให้คุณเริ่มบันทึกค่าใช้จ่ายต่อเดือน ถึงแม้ผลลัพธ์สุดท้ายของคุณจะออกมาเป็นบวก ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะรู้ว่าคุณใช้จ่ายเงินไปอย่างไรบ้าง

พกสมุดบันทึกเล็กๆ ติดตัวแล้วคอยจดบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดและการเบิกถอนเงินทุกครั้ง คุณจะประหลาดใจเมื่อได้รู้พฤติกรรมการใช้จ่ายเงินของตน ตัวอย่างเช่น หลายคนพบว่าตัวเองหมดเงินไปหลายร้อยหลายพันกับค่ากาแฟ ของขบเคี้ยว นิตยสาร และน้ำอัดลม โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะใช้จ่ายเงินไปไม่มากนักกับค่าทำฟันหรือเครื่องอุปโภคบริโภค พวกเขากลับเสียเงินไปกับสิ่งไม่จำเป็น หรือบรรดาสิ่งของที่พวกเขาสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมี เป้าหมายของการติดตามยอดค่าใช้จ่ายก็เพื่อทำความเข้าใจว่าเงินของคุณหายไปไหน


วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ความหมายของการควบคุมงบประมาณ

การควบคุมงบประมาณจะเป็นการพิจารณาเฉพาะเพียงด้านงบประมาณรายจ่ายเท่านั้น จะไม่พิจารณาในด้านงบประมาณรายรับทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง งบประมาณหลายท่านอาจจะคำนึงถึงเพียงรายจ่ายเท่านั้น แท้จริงแล้วงบประมาณย่อมประกอบด้วย รายรับและรายจ่าย เราจึงพิจารณาเฉพาะการควบคุมงบประมาณรายจ่าย การควบคุมงบประมาณเป็นขั้นตอนหนึ่งของวงจรงบประมาณที่จำเป็นต้องกำหนดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการทำงานใดได้ดำเนินการไปตามแนวทางและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

งบประมาณเป็นการแสดง แผนงาน วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าขององค์การหนึ่ง ๆ จะประกอบด้วย แผนงานย่อย ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่สอดคล้องและสนับสนุนวัตถุประสงค์ขององค์การ และถ้าจะกล่าวถึงงบประมาณของรัฐบาล หมายถึง แผนงานตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณที่รัฐบาลเสนอต่อรัฐสภาเพื่อขอรับอนุมัติแผนงานปรากฎตามพระราชบัญญัติ งบประมาณนั้นประกอบด้วยแผนงานของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยให้รัฐบาลสามารถบริหาร กิจการของรัฐให้บรรลุเป้าหมายที่แถลงไว้ ต่อรัฐสภา และเมื่อรัฐบาลผ่านร่างพระราชบัญญัติ
งบประมาณประจำปี รัฐบาลโดยส่วนราชการต่าง ๆ จึงจะเริ่มบริหาร หรือดำเนินการตามแผนงานนั้น ๆ ได้ กองทัพบกในฐานะที่เป็นส่วนราชการหนึ่งที่ต้องสนับสนุนการบริหารงานของรัฐบาล คงต้องจัดทำแผนงานในส่วนของกองทัพบกที่สอดคล้องกับนโยบายของชาติ เพื่อประกอบเป็น แผนงานของ
รัฐบาลที่ได้กล่าวมาแล้ว
วงจรงบประมาณจึงอาจแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้.-
1. ขั้นการจัดเตรียมงบประมาณ
2. ขั้นการอนุมัติงบประมาณ
3. ขั้นการบริหารงบประมาณ
3.1 การใช้จ่ายงบประมาณ
3.2 การควบคุมงบประมาณ